วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กักไว้ให้หิวโซ แล้วเอาข้าวล่อพม่า

บทความนี้ต่อจาก ทัพพม่าเย้ยทัพไทยที่บางแก้วราชบุรี


พระเจ้าตาก ได้ทรงทราบจากทหารพม่าที่จับมาได้ว่า การที่ไทยส่งทหารไปรบกวนทำลายเส้นทางลำเลียงส่งเสบียงอาหาร ทำให้พม่าเริ่มอดอยาก

เมื่อทรงทราบเช่นนั้นทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง กับได้ข่าวจากทหารไทยที่พม่าจับไปแล้วหนีออกมาได้ว่า พม่าอดอยากถึงกับกินเนื้อช้างเนื้อม้าพาหนะถูกปืนใหญ่ล้มตายเสมอ พระองค์จึงทรงดำริว่าล้อมไว้ให้อดอยาก ทนไม่ได้ก็ต้องออกมาให้จับเป็นเชลย จะทำให้สมน้ำหน้าที่มันเย่อหยิ่งให้จนได้ และดำรัสว่า
"กักมันไว้ให้โซแล้วเอาข้าวล่อเถิด"
พระองค์ทรงปรารถนาจะเสด็จคุมกองทหารออกไปทำการรบตัดทางลำเลียงและกองกำลังของพม่าด้วยพระองค์เอง แต่พระยาเทพอรชุน พระดำเกิงรณภพ ทูลรับขออาสา จึงมีรับสั่งให้พระยาทั้งสองคุมหน่วยกำลังซึ่งมีกองอาจารย์และมนายเลือก (ทนายเลือก หมายถึงพวกนักมวยกองป้องกันพระองค์) 745 คน เป็นกองโจรไปช่วยเจ้าพระยาอินทรอภัย
ทั้งๆ ที่แม่ทัพนายกองคัดค้านและขอปฏิบัติการรบแทน แต่พระองค์ก็ต้องทรงออกศึกนำหน้าทหารออกรบด้วยพระองค์เองจนได้
เหตุเกิดขึ้นเมื่อพม่าที่เขาชงุ้มเข้าปล้นค่ายพระยาสุรสีห์ พม่าทำกลยุทธ์แบบค่ายวิหลั่น (ค่ายวิหลั่น คือการอำพรางกาย ค่อยๆ ขยับรุกเข้ามาหาค่ายไทยทีละน้อย เมื่อถึงจุดที่จะโจมตีก็ปฏิบัติการเข้าโจมตีกันทุกทิศทุกทางเป็นการจู่โจมระยะใกล้) แต่ทหารของเจ้าพระยาสุรสีห์ต่อสู้ป้องกันไว้ได้ ทหารพม่าจึงเข้าปล้นค่ายของ พระยานครสวรรค์ ในคราวต่อมา โดยเข้าปล้นค่ายในยามดึกประมาณตีสาม การรบพันตูระหว่างทหารพม่าและทหารไทยจนถึงค่อนสว่าง
ในเวลานั้น พระเจ้าตากตื่นบรรทมขึ้น ทรงทราบว่าพม่าเข้าตีค่ายพระยานครสวรรค์ ทันใดนั้นจึงรับสั่งให้จัดกองทัพโดยเร็ว ส่วนพระองค์พร้อมด้วยทหารองครักษ์กองหนึ่งกับกำลังรบอีกกองหนึ่ง ทรงขับม้าโลดแล่นออกหน้าตรงมาที่ค่ายพระยานครสวรรค์ พอดีทอดพระเนตรเห็นกองหนุนของพม่า พระองค์ทรงโผนม้าควงพระแสงดาบนำทหารเข้าตีตัด การรบพุ่งอย่างชุลมุนวุ่นวายก็เกิดเป็นสองฝักสองฝ่ายอลหม่านไม่เป็นกระบวน พักเดียวพม่าที่หนุนเข้ามาก็ถูกพระเจ้าตากต่อตีแตกกระจัดกระจายไปสิ้น
ครั้นแล้วพระองค์ก็ทรงนำทหารหวนมาตีกระหนาบทหารพท่าที่กำลังรบอยู่กับทหารของพระยานครสวรรค์จนถึงแปดโมงเช้า ผลที่สุดกองทหารพม่าแตกพ่ายไม่เป็นขบวนหนีกลับเข้าค่ายที่เขาชงุ้ม
ทางงุยอคงหวุ่นแม่ทัพใหญ่ที่ค่ายบางแก้ว ค่ายนี้หลังจากถูกล้อมก็พยายามตีออกมาไม่ได้ รอกองทหารพม่ามาช่วยก็ไม่สำเร็จ เกิดความอดอยากถึงกับฆ่าช้างฆ่าม้ากินกันแล้ว วันหนึ่งงุยอคงหวุ่นให้นายทัพกับทหารอีก 5 คน ออกมาพบเจ้ารามลักษณ์กับเจ้าพระยาจักรี ฝ่ายพม่าพูดวิงวอนขอให้ปล่อยทหารพม่าทั้งหมดกลับบ้าน ฝ่ายเราไม่ยอมแล้วบอกว่า ถ้ารักตัวกลัวชีวิตขอให้ยอมอ่อนน้อมโดยดี นายทัพพม่าขอกลับนำข่าวนี้เข้าไปรายงานแม่ทัพใหญ่ดูก่อน
งุยอคงหวุ่น ให้นายทหารพม่า 7 คนออกมาเจรจาอีก โดยยอมอ่อนน้อมถวายบังคม พร้อมกับถวายช้างม้าและพาหนะเครื่องศัสตราวุธ แต่ขอให้ปล่อยตัวกลับบ้าน
เจ้ารามลักษณ์กับเจ้าพระยาจักรีไม่ยอมและยึดตัวทหารพม่าไว้ 2 คน ปล่อยกลับไป 5 คน เพื่อไปแจ้งแก่แม่ทัพใหญ่พม่า
ความกดดันในกองทัพพม่าจวนถึงจุดระเบิด เพราะในวันนั้น อุตมสิงหจอจัว ปลัดทัพของยุงอคงหวุ่น พานายหมวดนายกอง พม่า 14 คนพร้อมศัสตราวุธของตนมัดแบกออกมาส่งให้ไทย
ฝ่ายไทยได้นำเข้าถวายบังคมพระเจ้าตาก พระองค์โปรดให้พระยารามคุมอุตมสิงหจอจัวกลับไปร้องบอกพวกพม่าในค่ายว่า
"ให้พากันออกมาสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าปราสาททอง พระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาให้รอดชีวิต"
ทางในค่ายตอบออกมาว่า "ขอปรึกษากันดูก่อน"
การต่อรองด้วยวาจามีหลายครั้งหลายคราว ข้อใหญ่ใจความก็เพียงแค่ขอชีวิตไว้เท่านั้น
อ่านต่อใน พม่ากับไทยทีใครทีมัน


ที่มาบทความ
รวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์. (2544). สงครามประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน. (9-10)
ทีมาของภาพ :
http://kingnaresuanmovie.com/images/news_003_sword_001.jpg
http://www.siamlocalnews.com/upload/watnangkav/firstpage/5922-8-3251.gif

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น