วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

ราชบุรี อดีตบ้านป่า "โยม..มีงาช้างดีดีบ้างไหม"

ในอดีต ป่าของราชบุรีมีอาณาเขตกว้างขวาง ทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก ทว่าวันนี้มันช่างห่างไกลกับคำกล่าวข้างต้นเสียเหลือเกิน อย่างไรก็ดี ข้อความดังกล่าวหาเกินจริงไม่ เพราะประจักษ์พยานยืนยันนั้น ยังคงมีอยู่ให้เห็น นั่นคือ เขาสัตว์นานาชนิดจำนวนมาก ที่แขวนโชว์อยู่ตามศาลาหรือกุฎิวัดต่างๆ ในเมืองราชบุรี

"เขาสัตว์ไปอยู่ตามวัดจำนวนมาก เพราะสมัยก่อนสมภารชอบเล่น ชอบสะสม ตามบ้านก็มีคนเลือกซื้อไปประดับ แต่ไอ้ที่สวยๆ เราจะเลือกไปขายที่วัดก่อน เพราะได้กำไรมากกว่า พระไม่โกงเราเหมือนตามบ้าน" อดีตพ่อค้าของป่าชื่อดังวัย 70 ปี ผู้ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามกล่าวขึ้นในวงสนทนา

ชาวราชบุรีเชื้อสายลาวยวนผู้นี้ เคยเดินเท้าขึ้นไปรับของป่าจากชาวกะเหรี่ยงแถบสวนผึ้งมาขาย จนกระทั่งเก็บหอมรอมริบซื้อรถจี๊บขึ้นไปบรรทุกเสาไม้ลงมาขายอีกต่อหนึ่ง ทั้งยังเคยตะลุยล่าสัตว์ถึงในฝั่งพม่า หรือแม้ในยุคที่ทางราชการกวาดล้างคอมมิวนิสต์ เขาผู้นี้ก็พลอยถูกหมายหัวไปด้วย ในฐานะเป็ฯผู้คอยหาปืนผาหน้าไม้ไปให้พรานไพรใช้ล่าสัตว์

"ตอนที่ลุงเริ่มไปซื้อของป่าจากกะเหรี่ยง อายุสัก 17-18 ปี มีเจ้าอื่นซื้อขายกันอยู่เยอะแล้ว เราขึ้นล่องคนเดียว เอาพวกผ้า พวกมีด กับเครื่องของญี่ปุ่นสมัยสงครามไปขายในป่า ออกจากบ้านก็ไปนอนตามบ้านคนยวนที่หนองนกกระเรียน รางบัว หนองผาม บ้านกล้วย นาขุนแสน เรื่อยไปจนกระทั่งถึงบ้านกะเหรี่ยง ซื้อของไปเรื่อย..มีหวาย พริก น้ำผึ้ง สีผึ้ง ทุกอย่าง พวกงู กวาง กระทิง กระซู่ เสือ งาช้าง มีนับไม่ถ้วน ซื้อเยอะ พริกขี้หนูกะเหรี่ยงนี้ขายดี แต่ก่อนค้าของเยอะจนตำรวจไม่จับ รู้จักกันหมด"

"ตั้งแต่ออกจากบ้านก็เที่ยวป่าไปเรื่อย แล้วมาอยู่ที่เขาวัง รับซื้อของป่า ไม่ได้เปิดเป็นร้าน แต่รับแล้วเอาไปส่งในตลาดบ้าง ไปส่งนครปฐมกับกรุงเทพฯ บ้าง"

"พวกเขาสัตว์สวยงามที่ได้ ส่วนใหญ่คนราชบุรีจะซื้อไปสะสมกันเอง เดี๋ยวนี้ ลุงยังมีงาช้างเก็บไว้คู่สองคู่ ที่บ้านพวกๆ กันในราชบุรียังมีอยู่อีกเยอะ คู่ใหญ่เดี๋ยวนี้ 650,000 บาท เมื่อ 30 ปี ก่อนคู่ละ 5,000-6,000 บาท พวกของที่ทำยาได้ก็เอาไปส่งที่สมาคมค้าของป่าก๋งบ๊วยที่นครปฐม เขารับจากทุกที่ จากเพชรบุรี ประจวบฯ ระนอง กาญจน์ ทั่วไปหมด แล้งคงเอาไปส่งกรุงเทพฯ หรือเมืองนอกอันนี้ก็ไม่รู้เขา"

"เมื่อก่อนเคยเอางาช้างใส่จี๊บเล็กไปขายกรุงเทพฯ แถวๆ โอเดียน ไปติดต่อก่อนว่าที่ไหนต้องการอะไร ถ้าร้านเครื่องยาก็ต้องการเอ็นกวาง ลูกกระวาน ดีหมี ดีงู..สารพัด ร้านที่ลุงไปส่งงาช้าง เขาขายเขากวางอ่อน พอไปถามราคาเขาก็จดมาให้ ถึงได้รู้ว่าเราค้าขายกับคนราชบุรีแล้วถูกกดราคาเยอะ ตอนหลังเลยเข้ามาส่งเอง ส่งงาช้างอยู่หลายปี ได้เป็นร้อยคู่ แหล่งส่งที่อื่นก็มีก็มีร้านค้ายาแถวจักรวรรดิ นอกระซู่นี่ ร้านต้องการกันมาก แต่หายาก ได้ราคาดี เขาเอามาเข้าเครื่องยา"

แม้การฆ่าสัตว์ป่าจำนวนมากและการบุกรุกป่าไม้ จะทำให้เกิดการผลักดันกฏหมายคุ้มครองสัตว์ป่าเมื่อ พ.ศ.2503 และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2504 แต่ผลกำไรที่มาได้ง่ายๆ จากของป่า และความสนุกสนานจากการไล่ล่า ยังคงดึงดูดใจพรานไพรทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ให้ลักลอบเข้าปฏิบัติการอยู่เนืองๆ ซ้ำร้ายพวกเจ้าใหญ่นายโตที่รู้ตัวบทกฏหมายเป็นอย่างดี ก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นไปแสวงหาความตื่นเต้นจากไพรกว้าง และมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกไม่น้อยที่อาศัยการค้าของป่าเป็นช่องทางทำมาหากิน มีทั้งที่เป็นห่อค้าเสียเอง และที่เป็นเหลือบริ้นคอยหักผลกำไรของพ่อค้าโดยแลกกับการเอาหู้ไปนาอชเอาตาไปไร่

"พ่อค้าของป่าอย่างลุงไม่รวยหรอก หากินกันไป สนุกดี บางเที่ยวได้เนื้อเก้ง เนื้อกวางสักสองเล่มเกวียนก็บรรทุกมาขาย กะเหรี่ยงตากไว้ให้เสร็จ มัดเป็นมัดๆ ไว้ แต่ไม่ค่อยเค็ม เพราะไม่ค่อยมีเกลือ เราเอาใส่กระสอบมาขายตามบ้าน ตามตลาดอีกที แต่ก่อนลุงเคยแนะนำให้กะเหรี่ยงตั้งร้านค้า เขาก็จ้างรถลุงลงมาขายของที่ตลาด แล้วรับของจากตลาดขึ้นไป เช่น พวกน้ำปลา รวยกันไปเยอะ แถวบ้านคา บ้านบ่อ ทุ่งแฝก เขารับซื้อของป่าด้วย เอาไว้ให้ลุงขายอีกต่อนึง บางทีพวกเจ้านายในตลาดบ้าง จากกรุงเทพฯ พวกทหาร ตำรวจ คนมีสตางค์ ก็มาจ้างพวกลุงไปนอนป่ายิงสัตว์ ช่วยหาบของให้เขา ลุงเลยได้รู้จักคนเยอะ หาปืนหาอะไรก็ง่าย พอได้ปืนดีๆ มา ลุงก็ไปจ้างพวกกะเหรี่ยงให้พาเข้าไปในแหล่งสัตว์ ทั้งฝั่งไทยฝั่งพม่า มีทั้งเก้ง กวาง เสือ กระทิง ช้าง ฮู้..เยอะ"

"ร้านที่เขาวังเลิกไปได้ 20-30 ปีแล้วมั้ง แต่ของป่าก็ยังรับซื้ออยู่ ใครได้อะไรที่ไหนมาก็ตาม เดี๋ยวนี้ใครพอหาอะไรได้ก็ยังเอาไว้ให้ เขตป่าแต่ก่อนมาถึงแถวจอมบึง เขาสามง่าม ป่าไม้ทั้งนั้น มีหมูป่า เลียงผา กระต่ายป่าเยอะแยะ พอทำไม้ สัตว์ชักเบา ป่าหมดมันก็ร่นเข้าไปๆ เดี๋ยวนี้เขตพม่าก็ไม่ค่อยมีแล้ว ไปเอากันมาจากอินเดียโน่น พวกกะเหรี่ยงอิสระฝั่งโน้น ไปหามาแล้วเข้าทางราชบุรีนี่แหละ มันเป็นป่า หลบตำรวจง่ายหน่อย ถ้าเข้าทางเพชรบุรีมันลำบาก เพราะเป็น้ำ ทางเมืองกาญจน์ก็ปัญหาเยอะ เขาเอาไปส่งตามที่ต่างๆ อย่างร้านที่นครปฐม ลูกๆ ก็ยังทำกันอยู่ หน้าร้านขายผัก ขายอะไรไป ข้างหลังร้านก็รู้ๆ กัน"

"ค้าของป่ามันก็มีขัดใจกันบ้าง สมัยลุงมีพ่อค้าอยู่ 10 กว่าคน ขาใครขามัน บางทีมีแย่งกันบ้าง มาแย่งหนักนี่ทีหลัง ตอนเอารถเข้าไปซื้อเสาซื้อไม้ ตอนนั้นไม้เยอะ ตัดไปเหอะ...จะยิงกันตาย เพราะเราไปซื้อของขามัน มันก็เคือง อย่างบางทีเราเอาของมาขายตามบ้านตามตลาด มันโกงกันบ้างเป็นธรรมดา ลุงเลยเอาไปขายตามวัดดีกว่า ขายเสาเอาไปสร้างกุฎิศาลา เขาสัตว์ก็ขายดี ได้ราคาดีกว่า..พระไม่โกงเรา สมภารชอบถามว่า โยม..มีงาช้างดีดีบ้างไหม"


ที่มาของข้อมูล :
-สุดารา สุจฉายา.(2541). ราชบุรี. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สารคดี. (หน้า 46-47)

ที่มาของภาพ :(ภาพจำลอง ไม่ใช่ภาพจริงประกอบบทความ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น