วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มะลิสีแดง : นิทานชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่สวนผึ้ง ตอนที่ 1

ผู้เขียนได้ไปพบหนังสือเก่าของบิดา (นายสละ จันทรวงศ์) เล่มหนึ่ง ชื่อว่า "นิทานชาวเขาเผากะเหรี่ยง" มีนิทานเขียนไว้ จำนวน 17 เรื่อง รวบรวบโดย วิจิตร ขุมทรัพย์ จัดพิมพ์และจำหน่ายโดย สำนักพิมพ์ธรรมบรรณาคาร พระนคร เมื่อปี พ.ศ.2514 ราคาเล่มละ 14 บาท  มีนิทานอยู่หลายเรื่องเกี่ยวข้องกับชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงแถบ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เช่น เรื่อง มะลิสีแดง นี้ ผู้เขียนจึงขออนุญาตนำมาเขียนไว้ในบล็อกนี้ ตามเนื้อหาเดิม โดยไม่ได้ตัดต่อใดๆ ดังนี้


มะลิสีแดง
ที่มาของเรื่องคือ....บ้าน "บางคะยู" ชายแดนพม่า ติดกับทิศตะวันตกของ ต.สวนผึ้ง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

ในบรรดาชาวเขาเผ่าต่างๆ นั้น เผ่าซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นเผ่าที่ทำการล่าสัตว์ได้อย่างเก่งฉกาจ คือ เผ่ามูเซอ และเผ่ากะเหรี่ยง สองเผ่านี้ยึดเอาอาชีพล่าสัตว์เป็นอาชีพสำคัญยิ่งของชีวิต

ณ หมู่บ้าน "บางคะยู" ชายแดนพม่าอุดมไปด้วยสัตว์ป่า ทั้งดุร้ายและไม่ดุ ผู้ชายชาวกะเหรี่ยงส่วนมากยึดเอาอาชีพล่าสัตว์ ส่วนผู้หญิงทำไร่ ยังมีตระกูลหนึ่งมีความดีประจำตระกูลสืบมา ความดีนั้น คือ ไม่นิยมการล่าสัตว์ตัดชีวิต ยึดอาชีพทำไร่หาของป่าขายเป็นอาชีพ

ครั้งหนึ่งลูกสาวสวยของหัวหน้าหมู่บ้าน เกิดป่วยเป็นไข้ป่าอย่างแรง หมอประจำหมู่บ้านรักษาจนหมดความสามารถก็ไม่หาย มีแต่ทรุดลงทุกขณะ หัวหน้าหมู่บ้านซึ่งชื่อ "เอิ่ง" จึงประกาศว่า หากผู้ใดรักษานางอ่อง ลูกสาวแกหายจากอาการป่วยไข้ได้แล้ว แกยินดียก "นางอ่อง" ให้เป็นภรรยา  ข่าวนี้กระจายไปทั้งแคว้นกะเหรี่ยง บรรดาหมอมีชื่อจากหมู่บ้านต่างๆ หวังจะได้ลูกสาวสวยของหัวหน้าหมู่บ้านผู้ร่ำรวยเป็นภรรยาก็พาเดินทางมารักษา แต่ก็หามีใครเก่งกาจรักษาอาการป่วยของสาวสวยให้หายได้ไม่

ยังมีเจ้าหนุ่มหนึ่ง เป็นทุกข์เป็นร้อนในอาการป่วยของสาวสวยอ่องยิ่งนัก เจ้าหนุ่มผู้นี้ชื่อ "อั้ง" ซึ่งสืบตระกูลผู้ไม่นิยมการล่าสัตว์ตัดชีวิตนั่นเอง เกรงว่านางอ่องที่ตนหลงรักจะตายจากไปเสีย เจ้าหนุ่มจึงไปยังขุนเขาผาแดง อันมี "จ้าวพ่อผาแดง" สิงสถิตอยู่ จ้าวพ่อผาแดงนี้ เป็นที่เคารพนับถือของชาวกะเหรี่ยง ทั้งแคว้น

เมื่อไปถึงขุนเขาจ้าวพ่อผาแดง เจ้าหนุ่มอั้งก็กราบไหว้จ้าวพ่อ บรรยายความในใจที่ตนหลงรักสาวอ่อง ของให้จ้าวพ่อช่วยเหลือให้ตนรู้วิธีจะรักษาสาวอ่องให้หายจากไข้ด้วยเถิด ตนนี้มีความรักในสาวอ่องอย่างซื่อสัตย์แน่นหนา หากสาวอ่องถึงแก่ความตายตนจะขอโดดหน้าผาตายตาม ไม่ขอมีชีวิตอยู๋สืบไป 

จ้าวพ่อผาแดง ได้ฟังคำอ้อนวอนของเจ้าหนุ่มผู้มีความประพฤติดี ไม่นิยมการทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทารุณโหดร้ายแก่สัตว์ไพร เช่นชาวกะเหรี่ยงทั้งหลาย ก็มีความสงสารใคร่จะช่วยเหลือ ตามคำวิงวอนบนบานศาลกล่าว ของเจ้าหนุ่มประพฤติดี มีจิตใจเมตตาสัตว์ แต่จะให้เจ้าหนุ่มสำเร็จผลโดยง่ายก็ไม่สมควร จำจะต้องทดลองจิตใจเจ้าหนุ่มเสียก่อน จึงบันดาลให้เกิดเสียงงเข้าช่องหูเจ้าหนุ่มผู้มีจิตใจเมตตาสัตว์ไพร ว่า....

"ดูก่อน เจ้าหนุ่มน้อย ข้าเป็นเทวดารักษาป่านี้ รู้แล้วว่าเอ็งนั้นมีความประพฤติดี ไม่โหดร้ายทารุณต่อสัตว์ไพรร่วมโลก เหมือนชาวกะเหรี่ยงทั้งหลายที่ยึดเอาการทารุณโหดร้ายแก่สัตว์เป็นอาชีพ ซึ่งมนุษย์ที่มีความประพฤติดีเยี่ยงตระกูลใจบุญเช่นนี้ เทวดาจ้าวป่าจ้าวเขาย่อมจะรักษา 

ข้าจะช่วยเองได้ แต่เอ็งจะต้องกระทำให้เห็นว่า เอ็งนั้นรักนางอ่องยิ่งชีวิต เอ็งจะต้องฝ่าอันตรายอย่างร้ายแรง ในการจะช่วยชีวิตนางอ่อง ข้าอยากรู้ว่าเอ็งจะกล้าผจญกับความตาวครั้งนี้หรือไม่"

เจ้าหนุ่มอั้งผู้มีใจบุญ ไม่ทารุณโหดร้ายต่อสัตว์ไพร ได้ยินเสียงจ้าวพ่อผาแดงหวิวๆ ในช่องหู ไม่เห็นร่างของท่านก็ถึงแก่ขนลุกซู่ รีบกราบลงอีกสามครั้ง เอ่ยรับรองด้วยเสียงหนักแน่น จากความจริงใจว่า

"จ้าวพ่อที่เคารพนับถือของข้าและของชาวกะเหรี่ยงทั้งแคว้น ข้อขอให้คำมั่นสัญญาแก่จ้าวพ่อด้วยความสัตย์จริงว่า ข้ารักนางอ่องยิ่งชีวิต ถึงแม้จะเสี่ยงอันตรายร้ายแรงอย่างใด ในการรักษาให้นางหาย ข้าเต็มใจฝ่าความตายอย่างจริงใจ ขอให้จ้าวพ่อมีคำสั่งมาเถิด ข้าจะทำตามทันที"

เมื่อเจ้าหนุ่มใจบุญกล่าวจบ ก็มีเสียงหวิวๆ ในชองหูว่า

"ถ้าอย่างนั้นแล้ว เอ็งจงเดินทางไปยัง "หุบมะลิป่า" ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ระหว่างทางเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย เอ็งจะต้องใช้ความเก่งกล้าต่อสู้กับมัน แล้วหลบหลีกไปจนถึง "หุบมะลิป่า" อันเป็นดงมะลิใหญ่ อยู่ระหว่างเขาแดน ยามราตรีอาณาบริเวณนั้นจะหอมระรื่นไปด้วยกลิ่นมะลิ และมี "โคตัวมะลิ" หรือนางพญษมะลิไพร ขึ้นอยู่กลางดง นางพญษมะลิไพรนี้ หาได้มีดอกสีขาวเหมือนดอกมะลิทั้งหลายไม่ คือ มีดอกสีแดง และมีกลิ่นหอมอย่างวิเศษ อันกลิ่นหอมของนางพญามะลิดงนี้ สามารถจะรักษาไข้ทั้งปวงให้หายได้ในทันทีที่คนไข้ได้สูดดม ทว่ารอบดงมะลินี้ มียักษ์ตนหนึ่งเป็นผู้เฝ้าอยู่ เอ็งจะต้องใช้ความสามารถฆ่ายักษ์ร้ายตนนี้เสียก่อน จึงจะเด็ดดอกนางพญษมะลิดง ซึ่งมีกลิ่นทิพย์ได้ แต่การครั้งนี้เจ้าจะต้องใช้ความสามารถความเก่งกาจอย่างสูง มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเสียก่อนที่จะได้ดอกมะลิสีแดง ซึ่งเจ้าเด็ดเพียง 3 ดอกเท่านั้น คือ.....
  • ดอกที่ 1 ......หมายถึง........พระพุทธ
  • ดอกที่ 2 ......หมายถึง........พระธรรม
  • ดอกที่ 3 ......หมายถึง........พระสงฆ์
ความเป็นตายของเจ้านั้น อยู่ที่ความเก่งกล้าสามารถของเจ้า ไม่มีใครช่วยได้ เมื่อเจ้ารู้เช่นนี้ ยังจะคิดช่วยนางอีกหรือ"


ภาพจำลอง ประกอบบทความ
ที่มาของภาพ https://pantip.com/topic/31222817
เจ้าหนุ่มกะเหรี่ยงผู้ใจบุญ กลับให้คำมั่นสัญญาอย่างแน่นแฟ้นดังเดิม จ้าวพ่อผาแดงก็อวยพรให้เจ้าหนุ่มมีโชคชัย จากนั้นเจ้าหนุ่มผู้ใจบุญก็เตรียมตัวเดินทางอย่างรัดกุมพร้อมด้วยเสบียงอาหาร และหน้าไม้ อันปลายลูกศรอาบยาพิษ ซึ่งเรียกว่า "ยางน่อง" มีพิษร้ายแรงนัก แม้ช้างป่าถูกเข้าก็จะตายโดยเร็ว 

อ่านต่อ    มะลิสีแดง : นิทานชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่สวนผึ้ง ตอนที่ 2

ที่มาข้อมูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น