วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มะลิสีแดง : นิทานชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่สวนผึ้ง ตอนที่ 2

ต่อจาก  มะลิสีแดง : นิทานชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่สวนผึ้ง ตอนที่ 1

อันเขาแดน ซึ่งอยู่ชายแดนเป็นที่ตั้งของดงมะลิมหึมา มีโคมะลิดอกสีแดงเป็นนางพญามะลินั้น มีระยะห่างจากบ้านเจ้าหนุ่มอั้งเป็นระยะทางเดิน 3 วัน 3 คืน เป็นที่ร่ำลือกันถึงสัตว์ดุร้ายอย่างที่สุด พวกพรานไพรหาสามารถบุกเข้าไปล่าสัตว์ไม่ เพราะปรากฏว่าต้องถูกโขลงช้างป่า และเสือหมีไล่ทำร้ายบาดเจ็บล้มตายไป หลายคนรู้กันดีทั้งป่า แต่เจ้าหนุ่มอั้งผู้ไม่เคยทำร้ายสัตว์ก็หาหวาดหวั่นไม่ เขาพร้อมจะสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตสาวที่ตนหลงรัก


สองวันแรกแห่งการเดินทาง ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอตกวันที่สามตอนสาย เมื่อเจ้าหนุ่มเดินทางถึงดงไผ่ก็เผชิญเข้ากับ ช้างโขลงใหญ่หลายสิบตัวหัวหน้าโขลงมี "ห้างด้วน" ซึ่งเป็นโขลงที่ดุร้ายที่สุด ชาวกะเหรี่ยงรู้จักพิษสงของฝูกอีด้วนดี 


ภาพจำลอง ประกอบบทความ
ที่มาของภาพ http://mediastudio.co.th/2017/04/26/144454/

โขลงอีด้วน นั้น ได้กลิ่นมนุษย์แต่ไกล มันต่างก็อุบเงียบอยู่ในดงไผ่ด้วยความอาฆาตมาดร้าย เพราะพวกของมันหลายตัว ได้ถูกพรานกะเหรี่ยงยิงด้วยปืนและหน้าไม้อาบยางน่อง บาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก โขลงอีด้วนจึงมีความพยาบาทพวกมนุษย์อย่างสาหัส พบเมื่อใดมันเป็นเล่นงานเอาชีวิจเมื่อนั้น ณ ป่าใหญ่เขาแดนอาณษบริเวณนี้คือ บ้านเมืองของโขลงอีด้วน พรานไพรรู้จักดี หามีใครสามารถบุกเข้ามาล่าถึงรังของมันได้ จึงเมื่อมีมนุษย์กล้าบ้าบิ่นอาจหาญบุกเข้ามาจนถึงรังของมันแต่ผู้เดียวเช่นนี้ โขลงอีด้วน จึงพากันซุ่มอยู่อย่างเงียบงำ มั่นมั่นหมายว่าจะล้อมกรอบบดขยี้มนุษย์ศัตรูตัวฉกาจของมันให้จงได้ เพราะมันอยู่ใต้ลมได้กลิ่นมนุษย์แต่ไกล



ฝ่ายเจ้าหนุ่มกะเหรี่ยงผู้สืบตระกูลใจบุญ ไม่เคยฆ่าสัตว์ไพร ไม่เคยทำร้ายสัตว์ไพรบาดเจ็บ แหละแม้แต่จะคิดทำร้ายก็ไม่เคย ได้เดินเข้าใกล้ดงไผ่ป่ามหึมา เห็นรอยเท้าช้างป่าเกลื่อนบริเวณนั้น จึงหยุดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็รู้ทันทีว่า โขลงช้างป่าคงจะอยู่ในอาณาบริเวณดงไผ่เป็นแน่ เพราะสังเกตจากรอยตีนที่ย่ำดินเป็ฯรอยใหม่ ต้นไม้เล็กๆ ที่ถูกเหยียบตายยังมีใบเขียวสดเป็นการบอกให้รู้ชัดเจนว่า โขลงช้างป่าเพิ่งจะเหยียบผ่านไปไม่นานนัก เพราะต้นหญ้าที่ถูกช้างเหยียบนั้นหากข้ามวันข้ามคืน ก็จะแห้งไปตามกาลเวลา ซึ่งเจ้าหนุ่มกะเหรี่ยงแม้ไม่ช่ำชองทางพรานไพร แต่ก็มีความรู้เรื่องนี้ดี


"หน้าไม้" ภาพจำลอง ประกอบบทความ
ที่มาของภาพ : http://tainaplajad.blogspot.com/2014/02/blog-post_20.html

จึงเมื่อรู้ได้เช่นนี้ เจ้าหนุ่มก็เริ่มใช้ความสังเกตป่าอย่างระมัดระวัง หยุดพักสูบยาพ่นควันดูลม เห็นควันยาลอยจากตนเข้าดงไผ่ก็รู้ได้ทันทีว่า ตนกำลังอยู่ในความเสียเปรียบโขลงช้างไพร เพราะตนเป็นฝ่ายอยู่เหนือลม ช้างไพรเป็นฝ่ายอยู๋ใต้ลม ซึ่งมันจะสูดกลิ่นตนรู้ได้แต่ไกล เจ้าหนุ่มผู้ใจบุญจึงหยิบหน้าไม้ออกมาขึ้นใส่ลูกดอกอาบยาพิษลงในราง พร้อมจะยิงในทันทีเมื่อช้างป่าออกมาทำร้าย พลางก็พิจารณาดูทำเลทางหนีไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท พิจารณาเห็นว่าอาณาบริเวณนั้นไม่มีต้นไม้ใหญ่ พอจะขึ้นหลบช้างไพรได้ คงมีแต่ภูฌขาลูกใกล้ๆ เท่านั้นที่จะใช้หลบภัยได้ เจ้าหนุ่มจึงรีบเดินทางเข้าใกล้ภูเขาอย่างเร็วจี๋ เพราะชักผิดสังเกตุอะไรบ้างอย่าง เป็นเรื่องสังหรณ์ใจ

ฝ่ายหัวหน้าโขลงอีด้วนอันดุร้าย ซึ่งซุ่มเงียบงำในป่ารก จับตาเขม้นมองการเคลื่อนไหวของมนุษย์ศัตรูร้ายอย่างอาฆาต ครั้งเห็นมนุษญ์ทำอาการอย่างดังนั้น กู้รู้ทันทีว่ามนุษย์คนนี้ ไหวพริบดีมีความระมัดระวังตัวเป็นเลิศ จะรอช้าไม่ได้ มันจึงแผดเสียงแปร๋นขึ้น เสียงดังสะท้านก้องทั้งป่า เป็นอาณัติสัญญาณลูกโขลงให้เปิดฉากล้อมกรอบบดขยี้มนุษย์ศัตรูตัวร้าย พลางก็นำโขลงพุ่งเข้าใส่มนุษย์ทันที ลูกโขลงหลายสิบตัวต่างก็แผดเสียงร้องดังสะท้านไปทั้งป่า ดาหน้ากันเข้าหาเหยื่อเสียงอื้ออึงปานแผ่นดินจะถล่ม ค่างลิงชะนีตกใจกระโจนร้องลั่นบนยอดไม้  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น