วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เขาเขียว โพธาราม..ต้นตำนานนางกวัก

เรื่องประวัติเขาเขียว ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นี้ ผู้จัดทำไปอ่านพบในหนังสือที่ระลึกการประชุมวิชาการขององค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (อ.ก.ท.)  ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในคราวจัดทำแจกจ่ายในการประชุมภาคกลางครั้งที่ 25  ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี (เรียกกันทั่วไปว่าเกษตรเขาเขียว) เมื่อวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2546

บทความนี้เขียนโดย คุณคำรณ  แพงไพรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ประธานเขต 18 ภูมิภาคที่ 6 ไลออนส์สากล ภาค 310 ดี นายกสโมสรไลออนส์โพธาราม  ท่านได้ศึกษาประวัติของเขาเขียวด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ท่านประสบความมหัศจรรย์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขาเขียวด้วยตนเองถึง 3 ครั้ง และอีกประการหนึ่งเกิดจากท่านผู้ใหญ่ 2 คนซึ่งเป็นผู้อาวุโสทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ และยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้ขอร้องให้ศึกษา เพราะเชื่อว่า เขาเขียวคือต้นกำเนิดของประวัติศาสตร์ไทย คนไทยมิได้อพยพมาจากแหล่งอื่นแต่อยู่ที่นี่ ...ที่เขาเขียวนี้เอง



คุณคำรณฯ เขียนเรื่องราวของเขาเขียว เอาไว้ พอสรุปได้ดังนี้.....

สมัยเมื่อ 4,000 ปีเศษ เขาเขียวเป็นดินแดนที่ติดชายทะเล
เมื่อน้ำทะเลขึ้นก็จะโอบล้อมเขาเขียว เมื่อน้ำทะเลลงก็สามารถเดินทางติดต่อกับแผ่นดินใหญ่ได้โดยการเดินเท้า เขาเขียวเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธัญญาหารแมกไม้นานาพรรณ ท้องทะเลสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำที่เป็นอาหาร เขาเขียวมีถ้ำปรากฏอยู่มากมายใช้เป็นที่หลบซ่อนศัตรูและเก็บรักษาสมบัติต่างๆ  น้ำทะเลเปรียบเสมือนปราการสำคัญทางธรรมชาติที่ช่วยปกป้องผืนแผ่นดินเขาเขียวจากภยันตรายภายนอก เขาเขียวในสมัยนั้นจึงมีผู้คนอาศัยกันอยู่คับคั่ง  มีอารยะธรรมที่รุ่งเรืองตามกาลสมัย ผู้คนสร้างบ้านเรือนอยู่บริเวณโดยรอบเขาเขียว ตามที่ราบลุ่มและตามชายหาด

องค์อินอธิราช
ในกาลครั้งนั้นได้มีบุรุษ 3 คน เดินทางมาถึงเขาเขียว ทั้ง 3  คนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน คนพี่ซึ่งน้องๆ ยอมรับว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงกว่าคนอื่น ได้เข้าปกครองเขาเขียว และตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่เขาเขียวแห่งนี้ชื่อว่า "เมืองวังแก้ว" และเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองทรงพระนามว่า "องค์อินอธิราช" 

ส่วนคนกลาง (ไม่ทราบพระนามจริง)ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสมือนพระมหาอุปราชของเมืองวังแก้ว ปกครองเขาเขียวอีกยอดหนึ่งถัดไป (เขาเขียวมีภูเขาหลายลูก)  คนกลางนี้ต่อมาก็คือ "ปู่เจ้าเขาเขียว" นั่นเอง

ส่วนคนน้อง (ไม่ทราบพระนามเช่นกัน) ไม่ฝักใฝ่ทางโลก แต่ฝักใฝ่ทางธรรม ได้ออกผนวชเป็นพราหมณ์ฤาษีบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ ณ เขาเขียวอีกยอดหนึ่ง และเป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาการทั้งปวงให้แก่ราชวงศ์และพลเมืองของเมืองวังแก้ว

การปกครองในสมัยนั้นเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พลเมืองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือทหารทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันเมือง และพลเมืองมีหน้าที่เป็นคณะปุโรหิต และทำหน้าที่อื่นตามแต่เจ้าเมืองจะมอบหมาย  องค์อินอธิราชเป็นกษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยเปี่ยวด้วยความอ่อนโยนและเมตตาธรรม ดังนั้นราษฎรของเมืองวังแก้วจึงอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง  ในการว่าราชการ พระองค์ฯ ได้ตกแต่งถ้ำเป็นท้องพระโรงสำหรับว่าราชการ และเก็บพระคลังมหาสมบัติไว้ในถ้ำ รวมทั้งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์และราชวงศ์ องค์อินอธิราชมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว พระนามว่า "องค์หญิงอุมาเทวี"

ปู่เจ้าเขาเขียว ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์
เมื่อองค์อินอธิราชมีพระชนมายุได้ 50 พรรษาเศษ และองค์หญิงอุมาเทวี มีพระชันษา 16 พรรษา ปู่เจ้าเขาเขียว ได้กระทำปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แทน เป็นอันว่าสิ้นสุดราชวงศ์องค์อินอธิราช และสิ้นสุดเมืองวังแก้ว พร้อมถ้ำที่ประทับทั้งปวงของเมืองวังแก้วได้ถูกปิดตายตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เมืองมินต์
ปู่เจ้าเขาเขียวได้ตั้งนามเมืองของพระองค์ใหม่ว่า "เมืองมินต์" พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครองเมือง  การปกครองเมืองของพระองค์ก็ได้ใช้ถ้ำเป็นท้องพระโรงว่าราชการ เก็บพระคลังมหาสมบัติ และเป็นที่ประทับของพระองค์และราชวงศ์ คล้ายคลึงกับที่องค์อินอธิราชได้ปฏิบัติมา แต่เป็นคนละสถานที่กัน

ปู่เจ้าเขาเขียวเป็นกษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยแตกต่างจากองค์อินอธิราช กล่าวคือพระองค์มีพระทัยดุ เหี้ยมหาญ เด็ดขาด เป็นที่คร้ามเกรงของอริราชศัตรู ปู่เจ้าเขาเขียวมีพระมเหสี 4 องค์ มีพระราชโอรสหลายพระองค์ แต่ทรงมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวนามว่า

"องค์หญิงกวักศิรินภา"
ทรงพระศิริโฉมงดงามมาก มีเสน่ห์ทำให้เกิดความรักความเมตตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น กิตติศัพท์ความงดงามขององค์หญิงกวักศิรินภาเป็นที่เลื่องลือไปยังทั่วแคว้นแดนไกล แต่องค์หญิงกวักศิรินภา ต้องมาสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุเมื่อพระชันษาเพียง 15 พรรษา แต่กระนั้นก็ตามนามของ "นางกวัก" ก็ยังเป็นสัญญลักษณ์ของความมีเสน่ห์เมตตามหานิยม มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ 

ที่มาของภาพ
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1835104
สละราชสมบัติถือศีลภาวนา
เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวมีพระชนม์ย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัย ได้มีน้ำพระทัยใฝ่ทางธรรมมะมากขึ้น  จนพระองค์ได้สละราชสมบัติถือศีลภาวนา และผนวชเป็นพราหมณ์ฤาษีจนเสด็จสวรรคต ในส่วนของเมืองมินต์ เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวได้สละราชสมบัติแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดได้สืบราชสมบัติแทน โอรสและพระราชวงศ์ส่วนหนึ่งได้อพยพเข้าสู่ผืนแผ่นดินใหญ่สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นใหม่ ยังคงมีพลเมืองของเมืองมินต์ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มิได้อพยพไปไหน เป็นอันสิ้นสุดความรุ่งเรือของเมืองมินต์
ในช่วงต่อมาอีกไม่นานนัก เขาเขียวก็ประสบเคราะห์กรรม ได้เกิดวาตภัย อุทกภัย โหมกระหน่ำทำลายเขาเขียว จนบ้านเรือนพังพินาศ พลเมืองล้มตายลงหมดสิ้น เขาเขียวกลายเป็นป่าเขาที่รกชัฎ เต็มไปด้วยสิงสาราราสัตว์ เป็นสถานที่รกร้างไร้ผู้คน เป็นสถานที่สงบเหมาะสำหรับบำเพ็ญเพียรของฤาษีชีไพรเท่านั้น

บทสรุป
จากอดีตที่เคยรุ่งเรืองของเขาเขียว ที่ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนพลเมืองมากมาย มีความเกี่ยวพันและวิถีชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน แก่งแย่งแข่งดี อาฆาตพยาบาท เสียงกู่ก้อง ร้องตะโกน เสียงร่ำไห้จากสงคราม ความพลัดพราก เศร้าโศก ความรัก ความอาลัย พร้อมทั้งแรงอธิษฐานและคำสาบาน ทุกอย่างต้องจบลงที่นี่ โศกนาฎกรรมเกิดขึ้นหลายหนหลายครั้งจนเขาเขียวกลายเป็นที่รกร้างไร้ผู้คน

ดวงจิต ดวงวิญญาณนับร้อยนับพันดวง ยังผูกพันและหวงแหนอยู่กับเขาเขียว ยังคงเฝ้าวนเวียนปกปักรักษาเขาเขียวซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยอันอบอุ่นของเขาในอดีต สถานที่ที่เคยมีบุคคลที่เขารักยิ่ง องค์อินอธิราช ปู้เจ้าเขาเขียว เคยปกครองคุ้มครองดูแล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงเป็นต้นกำเนิดแห่งความลี้ลับ  ความศักดิ์สิทธิ์ ความมหัศจรรย์ของเขาเขียวจนตราบเท่าทุกวันนี้

เขาเขียวยังมีอดีตและประวัติศาสตร์ที่รอการพิสูจน์อยู่  สักวันหนึ่งเมื่อเราได้ค้นพบหลักฐานแห่งอารยะธรรมของเขาเขียวแล้ว ก็จะเป็นเครื่องยืนยันอย่างแท้จริงว่า คนไทยไม่ได้อพยพมาจากที่ีใด คนไทยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ดั้งเดิม และดินแดนเขาเขียวแห่งนี้แหละคือต้นประวัติศาสตร์ชาติไทย 

ราชาแห่งวังแก้ว        องค์อิน
ราชันย์คู่เมืองมินต์    ปู่เจ้า
เคยครองผืนแผ่นดิน    นามเขา  เขียวเฮย
สองพระองค์ท่านเฝ้า    ปกป้องรักษา

เวลาลุล่วงพ้น     นานนัก
ถึงสองเมืองนี่จัก   ล่มแล้ว
หากแต่คำทายทัก   ยังคง  อยู่เฮย
เมืองมินต์อีกวังแก้ว   จักฟื้นคืนคง

เชิญองค์  ปู่เจ้า เขาเขียว
ธิดา  องค์เดียว  ชื่อก้อง
องค์อิน  อธิราช  เรืองรอง
คุ้มครอง  พลิกคืน  ฟื้นเมือง

*******************************************

ที่มา
คำรณ  แพงไพรี. (2546). ประวัติเขาเขียว อ.โพธาราม จ.ราชบุรี : การประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาคกลางครั้งที่ 25. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 : วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี. (หน้า 43-45)

11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 มีนาคม, 2555 21:45

    ผมว่าน่าจะเป็นไปได้ ท่านคิดดูบนเขาช้าง เขาพระเอก ท่านคงรู้จักทำไมจึงมีเปลือกหอยต่างๆอยู่ตามพื้นยอดเขามากมายได้ หากเขาไม่ได้อยู่ในทะเลมาก่อน

    ตอบลบ
  2. น่าคิดเช่นกันครับ ......ต้องติดตามกันต่อไป ครับ

    ตอบลบ
  3. เคยได้ยินคนแก่ เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนมักจะมีเสียงดนตรีไทย ให้ได้ยินกันบ่อย

    ตอบลบ
  4. อ่อเพิ่มความรู้ได้อีกระดับขอบคุณมากๆครับ

    ตอบลบ
  5. อ่อเพิ่มความรู้ได้อีกระดับขอบคุณมากๆครับ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ12 มกราคม, 2561 16:15

    ข้อมูลเพิ่มเติมหาอ่านที่หนังสือ พุทธศาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย โดย พระราชกวี วัดโสมนัสฯ ครับ

    ตอบลบ
  7. เป็นประโยชน์ทางวิชาการมากๆ ครับ
    เรื่องกำกับเวลานั้น ควรจะกำกับให้ชัดสักนิด คือ ต้องใช้จุดเวลาอ้างอิง ตอนที่เขียนทุกคนมักนึกแต่เวลานั้น แต่นานเข้าผู้มาอ่าน (เข้าใจว่าเริ่มนับจากเวลาที่ตนอ่าน ที่จริง ต้องเวลาที่เขียนบันทึก) เช่น 4000 ปีเศษ ก้า 400 ปี มีผู้มาอ่าน ก็ต้องเป็น 4400 ปี
    ดังนั้น ที่กำกับว่า "4000 ปีเศษ" ควรให้ชัดเป็น "4000 ปีเศษก่อนพุทธศักราช" ครับ

    ตอบลบ
  8. บางตำรา ว่าลูกสาวปู่เจ้าเขาเขียว นางกวัก ชื่อเดิมคือ สุภาวดี
    แต่เรื่องราวคนละแนว..แนวพุทธกาล พระอริยะสงฆ์ อินเดีย

    ตอบลบ
  9. เราเคยอยู่ตีนเขาเขียว ปู่เราเคารพ ปู่เจ้าเขาเขียวถือว่าท่านดูแลปกป้องลูกหลาน เราลูกหลานถูกซึมซับมาด้วยนับถือตามมา จำได้ว่าอยู่บ้านป่าไม่เคยเจ็บป่วย มีความสุขมาก คิดถึงอดีต เวลาไฟสีกันไฟลุกเป็นทางกลางเขา
    เรามองตรงนอกชาน ปู่เราจะพูดว่าปู่เขาเขียวเผาข้าวหลาม55เรามองไปเป็นทางสวยดี แล้วไฟก้อดับเอง ไม่น่ากลัวอะไร มีไก่ป่าร้องตอนเช้าบนเขาได้ยินถึงทีบ้าน
    ไก่ป่าชุกชุมสวยงาม บางทีแมวป่าตัวใหญ่ก้อเข้ามากัดกันกะแมวบ้านตัวใหญ่แข็งแรงมาก ขอปู่ปกปักรักษาลูกหลานแม้ย้ายถิ่นฐานทำกินมาที่อื่น ขอบารมีปู่ที่บำเพ็ญฅีลภาวนาคุ้มครองลูกหลานด้วยเทอญ ด้วยเคารพลูดหลานตีนเขาเขียว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน, 2565 01:08

      ลูกหลานปู่ ปู่ไม่เคยให้ลำบาก

      ลบ