วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความพินาศของราชบุรี-ระเบิดสะพานครั้งที่ 1

ผู้เขียน ได้ไปค้นพบบันทึกส่วนตัวของ นายสละ จันทรวงศ์ ซึ่งเป็นบิดาของผู้เขียนเอง เขียนบันทึกไว้ด้วยลายมือที่สวยงามมาก ท่านได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับบรรยากาศของราชบุรีตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2470-2490 ไว้อย่างหลากหลาย ในตอนหนึ่งระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี พ.ศ.2488 นายสละฯ ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับการทิ้งระเบิดโจมตีสะพานจุฬาลงกรณ์ ของฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อตัดเส้นทางถอยของกองทัพญี่ปุ่น ไว้ได้ค่อนข้างละเอียด อ่านแล้วพอที่จินตนาการเหตุการณ์ตามไปได้ ผู้เขียนจึงขออนุญาตคัดลอกมาเขียนไว้ในบทความนี้เพื่อเป็นวิทยาทานแด่คนรุ่นหลังสืบไป โดยคำสะกดบางคำอาจผิดไปจากปัจจุบันบ้าง แต่ผู้เขียนยังคงดำรงไว้ไม่ได้แก้ไขแต่อย่างใด บันทึกในช่วงเวลาดังกล่าว มีดังนี้

ความพินาศของราชบุรี-ระเบิดสะพานครั้งที่ 1
“ น้ำหนักทัพฟ้าของอังกฤษ อเมริกาเริ่มระดมกำลังโจมตีตัดสายลำเลียงของทางรถไฟสายร่างกุ้ง มันดะเลย์ ถนนสายพะม่าจีน และตัวเมืองร่างกุ้ง เป็นครั้งแรก จากนั้นทัพบกก็เริ่มคืบคลานมา แนวต้านทานของญี่ปุ่นถูกทะลวงอย่างดุเดือด แผนการขั้นที่ 2 เป็นที่พึงพอใจ ญี่ปุ่นถอยกรูดอย่างไม่เป็นส่ำ ลำเลียงพลเข้าสู่เขตไทยมาก ทัพฟ้าออกโจมตีทิ้งระเบิดตัดทางรถไฟสายไทยพะม่า และการขนส่งทางเรือของญี่ปุ่นทันที”

ราตีแห่งความพินาศ-14 มกราคม 2488ในตอนกลางคืนของวันที่ 14 มกราคม ซึ่งเป็นคืนนัดหมายการโจมตีสะพานจุฬาลงกรณ์ ที่จังหวัดราชบุรี เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักมาโจมตีทำลายสะพาน และศูนย์กลางของทางรถไฟที่เป็นกุญแจมือสำคัญ
เมื่อ 22.40 นาฬิกา ของราตรีอันมืดมัว ท้องฟ้าประดับประดาด้วยหมู่ดาว เมฆหมอกกระจ่าง ปราศจากแสงเดือน ข้างแรม ขณะนี้เป็นยามที่บุคคลส่วนมากหลับนอนกัน ความเงียบสงัดได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีด เสียงเรไรร้องเท่านั้น

สัญญาณมหาภัยสัญญาณบอกเหตุอันตรายดังกังวานไปตามสายลม ปลุกให้ชาวราชบุรีตื่นด้วยความตกใจ คล้ายกับเสียงเทวทูตประลัย เมื่อเสียงสัญญาณดังหายไปตามสายลม ไม่ทันถึง 10 นาที พลันได้ยินเสียงกระหึ่มของยานฟ้าเครื่องหนึ่งบินใกล้เข้ามาๆ จนผ่านตัวจังหวัด เลยไปทางทิศตะวันออก เราพยายามแหงนดู แต่มองหาไม่เห็น เมื่อเครื่องบินผ่านไป เราก็อุ่นใจอีก แต่หาหมดอันตรายไม่ ต้องคอยระวังอยู่ทุกวินาที เมื่อรอเวลาที่ผ่านไป ยังไม่ทันจะถึงครึ่งชั่วโมง เสียงคางของเครื่องบินแว่วมากระทบหูเราอีก เราตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ เสียงนั้นดังหนักเข้ามา เข้าใจว่าเป็นเครื่องบินลำที่ผ่านไปทีแรก ตามทางที่ได้ยินเสียง คงบินจับลำน้ำแม่กลองมา พอถึงตัวจังหวัดก็เลี้ยวเป็นวงกลม จุดหมายอยู่ที่สะพาน แล้ววัตถุอย่างหนึ่ง 3 ชิ้น ก็หลุดมาจากใต้ปีก สิ่งนั้นคือ

พลุไฟชูชีพเป็นเครื่องช่วยในการโจมตีอย่างดี มีร่มผูกติดกับพลุไฟ ทำเป็นกระป๋องมีฝาครอบ พลุไฟนี้ ติดได้เองกลางอากาศ เนื่องจากใช้แก้สทางวิทยาศาสตร์ พลุไฟนี้สามารถลอยอยู่ได้ 15 นาที ความสว่างเท่ากับไฟฟ้าขนาดแสนแรงเทียน พลุร่ม 3 ดวง ลอยอยู่กลางหาว สว่างดังกลางวัน ทุกคนอกสั่นขวัญหาย ไม่คลาดหมายว่าจะถูกการโจมตีเลย ดังนั้นทุกคนไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง พากันร้องไห้เซ็งแซ่ ต่างคว้าเข้าของที่จำเป็น จูงลูกจูงหลาน วิ่งหนีกระจัดกระจาย ไปคนละทิศละทาง ทุกคนหวังวิ่งหนีเอาตัวรอดเท่านั้น สภาพของชาวราชบุรีขณะนี้น่าอนาถใจ ยิ่งวิ่งหนีดู เหมือนดูพลุร่มได้กระหน่ำลงมาหนักเข้า ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เต็มไปด้วยพลุร่ม ลอยขาวและแดงไปด้วยแสงไฟ สว่างไสวยิ่งกว่ากลางวัน สามารถเห็นทางได้สะดวก เสียงเครื่องบินได้ฟังสะท้านสะเทื้อนอารมณ์ เตี้ยจนปีกแทบละยอดไม้

ข้าพเจ้าหนีไปพร้อมกับมารดา มีของติดมือหลายอย่าง วิ่งจากบ้านไปทางถนนอัมรินทร์ เลี้ยวเข้าถนนก้อนทอง ออกถนนไกรเพชร ตอนนี้เองเครื่องบินลำหนึ่งบินมาในระยะต่ำที่สุด จนเสียงแสบแก้วหู เสียงปืนกลประจำเครื่องบินดังแหวกอากาศไม่ขาดระยะ ข้าพเจ้าฉุดมารดาหมอบข้างทาง พอเครื่องบินผ่านไปแล้ว ก็ลุกขึ้นวิ่งต่อไปอีก เลี้ยวเข้าถนนราษฎรยินดี เสียงเครื่องบินผ่านศีรษะอยู่ไม่ขาดระยะ ถึงถนนราษฎรยินดี ได้ยินเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ซ้อนกันสองครั้ง นั่นเป็นสัญญาณของการบอมบ์ลูกแรกและต่อไป

ข้าพเจ้าบุกโคลนตัดทุ่งนาไปทางถนนคฑาธร ข้ามถนนคฑาธรไปถึงทุ่งนา หลัง ร.ร.ราชโบริกา และตั้งพักอยู่ที่นี่เอง ข้าพเจ้าแหงนดูเครื่องบิน ลูกระเบิดจากใต้ท้องหล่นเป็นสาย เห็นได้ถนัดถัดถี่ พลุร่มลอยอยู่เหนือศีรษะเรา เราหวั่นในอำนาจของลูกระเบิด การโจมตีดำเนินไปอย่างรุนแรง พลุเพิ่มจำนวนมากขึ้น ปีกของเครื่องบินเฉียดต้นสนไปทีเดียว แล้วลูกเหล็กก็หล่นลงเป็นระยะๆ รายการการโจมตี เป็นไปอย่างปราศจากการขัดขวาง 1 ชั่วโมงเต็ม การโจมตีก็ยุติ B.24 จำนวน 5-6 เครื่อง ก็เดินทางบ่ายหน้าไปฐานทัพทางทิศตะวันตก การโจมตีก็สงบ สัญญาหมดอันตรายก็ดังขึ้น

ทุกคนหวังใจว่าหมดอันตราย ด้วยความเป็นห่วงบ้าน และสิ่งของทุกคนจึงอยากกลับเข้าเมือง แต่อำนาจระเบิดชนิดกำหนดเวลา เมื่อถึงเวลาก็ระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว พาบ้านเรือนสูญหายไปพร้อมกับการระเบิด เดี๋ยวนี้ทุกคนทราบดีว่าอันตรายคุกคามชีวิต ทุกคนที่หวังกลับบ้าน ต้องกลับใจหันกลับทุ่งนา ลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้นอีก เสียงแตกของระเบิดดังยิ่งกว่าฟ้าผ่า น่าขนพองสยองกลัว เสียงแตกหักของสิ่งก่อสร้างบ้านเรือนไม่ขาดระยะ นานๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดทีหนึ่ง เราเข้าบ้านไม่ได้ คืนนั้นเรานอนพักที่ทุ่งนา ทั้งหนาวก็หนาว พอจะหลับตาเสียงระเบิดก็ระเบิดขึ้นทีหนึ่ง เสียงกราวของอำนาจของลูกระเบิดดังจับใจ เรานอนฟังเสียงระเบิดตลอดเวลาจนพระอาทิตย์ขึ้น แสงเงินแสงทองจับท้องฟ้า เรารีบกระวีกระวาดลุกขึ้น พร้อมกับถูกต้อนรับด้วยเสียงระเบิดอีกลูกหนึ่ง เราเห็นคนเต็มทุ่งนาไปหมด เรายังไม่หวังและไม่กล้าเข้าบ้าน เราเดินตัดมาทางถนนเขาวังซึ่งเวลานั้นเรามีเพียง 3 คน ชาวราชบุรีปรากฏว่ามารวมกันที่นี่มาก เสียงระเบิดดังตลอดเวลา เราเดินทางไปถึงสนามบิน พักอยู่ที่นี่บ้านคนรู้จัก ข้าพเจ้าอยากเข้าเมือง จึงชวนนิกร ชุติชูเดช มาด้วย เราตัดทุ่งนามาทางโรงพยาบาล ขณะนี้เสียงลูกระเบิดดังกลบประสาท ข้าพเจ้าอ้อมหลังสถานีตัดเข้า ร.ร.เบญจม แต่เข้าเมืองไม่ได้ต้องกลับทางเก่า ขณะที่ผ่านมาลูกระเบิดระเบิดทางวิกสวนบุรีสุขไม่ขาดระยะ คืนนั้นเราพักแรมที่สนามบิน เรานอนไม่หลับเลย หนาวก็หนาว เสียงระเบิดก็มาปลุกประสาท

เข้าเมือง 16 มกราคม 2488เช้าวันนี้ ลูกระเบิดคงจะลดจำนวนลงไปมาก ไม่ค่อยมีเสียง เราเข้าเมืองในตอน 7.00 น. เงียบเหลือที่จะเงียบ เศษดินหิน เหล็ก กระเบื้อง เกลื่อนเต็มถนนไปหมด เราเดินดูด้วยความสลดใจในสภาพของราชบุรี เป็นครั้งแรกที่เราได้พบเห็น บ้านของเราหลังคาไม่มี ฝาพังทลาย เศษไม้เศษดินตกอยู่ ดูวังเวงใจที่สุด เราได้เดินตรวจดูความเสียหายจนตลอด ป้อมทั้งสองของสะพานพังชำรุดไป ส่วนโค้งของสะพานเอียงกระเท่เล่ จะจมแหล่มมิจมแหล่ ใช้เดินรถไม่ได้ ส่วนหนึ่งของท่าเรือแดงหายไป ห้องแถวริมน้ำถูกอย่างจังหายไปพร้อมกับเสียงระเบิด อีกลูกหนึ่งตกกลางถนนเป็นหลุมใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ฟิต ถนนขาด อีกแห่งหนึ่งตึกริมทางรถไฟ ถูกระเบิดสะพานข้ามคลองหายไป บ้านยกหานไปทั้งหลัง ห้องแถวถนนรถไฟ พังราบเหลือแต่เศษปูน วิกสวนบุรีสุข ปรากฏว่ามีแต่หลุมระเบิด ที่ถนนวรเดช ตกริมถนน ถนนขาด ไปยกต้นมะขามทั้งต้นลงไปสู่แม่น้ำ ทับไปบนเรือเกลือจมลงทันที อีกสองลูกตรงในวิกพังพินาศไปหมด เหลือที่จะสร้างต่อไป อีกแห่งหนึ่งที่ถนนคฑาธร บ้านเรือนสูญหายไปทันที

สถานที่ถูกระเบิด
  • สะพานรถไฟ 5 ลูก
  • ริมทางรถไฟตั้งแต่สถานีจดแม่น้ำ 11 ลูก
  • ตกที่วิกและริมถนน 3 ลูก
  • ถนนวรเดช 4 ลูก
  • บริเวณวิกสวนบุรีสุข 6 ลูก
  • ในน้ำเท่าที่ระเบิดและยังไม่ระเบิด 4 ลูก
  • บริเวณฝั่งทหาร 3 ลูก
  • พลุร่มใช้ในการโจมตีรวม 37 ดวง
การเสียหายไม่สามารถจะคิดได้ถูกต้อง
เราเดินตรวจดูหลุมระเบิด และบ้านเรือนที่พังทับถมลงมากองอยู่ตามถนน เสียงล่วงหล่นของเศษดินเศษไม้ดังอยู่ไม่ขาด เมื่อกระทบกับแรงคน เราเศร้าใจในสภาพของเมืองร้างมาก เราดูด้วยความรันทดในใจ หลุมระเบิด เศษลูกระเบิด ยังติดตาเราไปจนวันตาย ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมหนีเอาตัวรอด เราสดับแต่เสียงหวาดกลัวของคนเท่านั้น เรายืนดูหลุมระเบิดที่ตกกลางถนน ลึกเหลือประมาณ เศษไม้เศษหินตกอยู่แทบเท้าเรา เรายังเอาเท้าปัดฝุ่นที่ริมหลุมระเบิด ซึ่งหนาตั้งครึ่งฟุต เราทนดูอยู่ไม่ไหว เมื่อบ้านเมืองเรามีอาการเป็นดังนี้
อพยพจากถิ่นเราหวาดภัยมาก ทั้งบ้านเรือนก็สู่สภาพน่าสังเวช เราจึงตัดสินใจจากราชบุรีไปสู่ถิ่นที่ปลอดภัย เรานำสิ่งของที่จำเป็นเท่านั้นติดตัวไป ส่วนของที่ไม่จำเป็นยังเก็บไว้ที่บ้านเดิม เราเริ่มเดินทางเมื่อบ่าย 3 โมงเย็น เราถึงดำเนินสะดวกเมื่อ ๑๙.๐๐ น.และพักอยู่บ้านป้า คืนนั้นเราถูกถามด้วยข้อความที่เราถูกลูกบอมบ์”
ที่มา :
สละ จันทรวงศ์. (2470-2490). บันทึกส่วนตัว. เขียนด้วยลายมือ.

2 ความคิดเห็น:

  1. ภาพแรกไม่แน่ใจว่าใช่ราชบุรีรึเปล่านะครับ เพราะดูจากผังของเมืองแล้วไม่เหมือนราชบุรี เป็นเพียงข้อสงสัยนะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. น่าจะเป็นสะพานพระราม6 นะครับ

      ลบ